การผลิตน้ำอ่อน

เครื่องผลิตน้ำอ่อนนั้นถ้าจะพิจารณาในแง่คุณภาพของน้ำที่ผลิตได้ก็ต้องดูที่ค่าความกระด้างว่าค่าที่เราจะยอมรับได้นั้นมีค่าเท่าไร คุณภาพน้ำอ่อนที่ดีก็ต้องมีค่าความกระด้างน้อย ถังเรซิ่นที่เราจะผลิตน้ำอ่อนให้มีค่าความกระด้างเป็น 0 นั้นมันก็พอมีอยู่แต่ว่าทำได้ยาก โอกาสที่ความกระด้างจะหลุดออกมามักจะมีอยู่เสมอ ส่วนใหญ่เราจะคุมไว้ที่ค่าประมาณ 10 ppm. ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว ถ้าหากว่าเราต้องการน้ำอ่อนที่มีความกระด้างเท่ากับ 0 ppm ก็ควรใช้ดับเบิ้ลซอฟ ก็คือการเอาน้ำอ่อนที่ผลิตได้จากถังเรซิ่นถังที่หนึ่งไปผ่านถังเรซิ่นถังที่สองอีกครั้งหนึ่ง เคยพบว่ามีโรงงานหนึ่งได้ตั้งค่าความกระด้างที่ต้องการไว้ที่ 0 ppm ทำให้ไซเคิลของการผลิตน้ำอ่อนสั้นมาก
   ตัวอย่างเช่น แทนที่จะผลิตได้ 400 คิวต่อรอบ อาจจะได้เพียง 100 คิวต่อรอบเท่านั้น เนื่องจากเมื่อมีความกระด้างหลุดออกมาได้เพียงนิดเดียวก็จะทำให้น้ำยาที่เราหยดลงไปในน้ำตัวอย่างเพื่อการตรวจสอบค่าความกระด้างนั้นเปลี่ยนสีได้แล้ว ซึ่งทำให้เราต้องหยุดและทำการล้างย้อนถี่ขึ้น หากเป็นโรงอื่นที่ตั้งค่าความกระด้างที่ยอมรับได้ไว้สูงก็ยังสามารถผลิตน้ำอ่อนต่อไปได้จนค่าความกระด้างสูงถึงค่าที่ตั้งไว้เช่น 10 – 20 ppm แต่โรงงานนี้รีเจคแล้ว จึงต้องทำการล้างเรซิ่นแล้ว (เราสามารถตรวจสอบค่าความกระด้างของน้ำที่ผลิตได้โดยการหยดน้ำยาที่เราผสมสารเคมีไว้เพื่อให้มีการเปลี่ยนสีเมื่อน้ำตัวอย่างมีค่าความกระด้างสูงกว่าค่าที่เรากำหนดไว้ ซึ่งค่าความกระด้างที่เรากำหนดไว้นี้จะเป็นไปตามความเข้มข้นและชนิดของน้ำยาที่เราผสมไว้ใช้ตรวจสอบ) ซึ่งในเรื่องของประสิทธิภาพนั้นเราจะต้องพิจารณาที่ความสามารถในการผลิตน้ำอ่อน คือต้องดูไซเคิลของมันว่ารอบหนึ่งสามารถผลิตน้ำอ่อนได้ปริมาณมากน้อยเพียงใด และจะต้องดูปริมาณการใช้เกลือด้วยว่ามีการใช้มากน้อยเพียงใดด้วย โดยดูอัตราการใช้เกลือในหน่วยของ กิโลกรัมเกลือที่ใช้ / กิโลกรัมของความกระด้างหรือ ฮาร์ดเนสที่สามารถกำจัดออกไปได้ ในเรื่องความถี่ในการตรวจวัดนั้น จากในภาพซึ่งเป็นเส้นกร๊าฟจะเห็นว่าแกนนอนเป็นเวลา แกนตั้งเป็นปริมาณความกระด้าง ถ้าโรงงานทำการตรวจวัดวันละครั้งโดยส่งตัวอย่างน้ำไปวิเคราะห์ที่ห้องแลบก็มีโอกาสที่จะเจอสภาพที่ความกระด้างสูงหลุดออกมากับน้ำเป็นจำนวนมากเพราะหลุดไปเป็นเวลานานกว่าจะรู้ว่าต้องทำการล้างแล้ว

ช่วงที่เรซิ่นหมดสภาพ

   ในช่วงที่เรซิ่นหมดสภาพแล้วค่าความกระด้างจะขึ้นเร็วมากในช่วงนี้ประมาณ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้นเอง ซึ่งอาจทำให้น้ำที่มีความกระด้างสูงสามารถเข้าสู่ระบบการผลิตได้ในปริมาณมาก แต่ถ้าหากเราตรวจทุกชั่วโมงโอกาสที่เราจะพบจุดที่เรซิ่นเริ่มจับความกระด้างไม่ได้แล้วก็มีมากขึ้น โดยการตรวจสอบด้วยการหยดสารเคมีที่ใช้ทดสอบว่าน้ำตัวอย่างมีความกระด้างอยู่หรือไม่ ถ้ายังไม่มีความกระด้างเวลาหยดสารเคมีนี้ลงไปในตัวอย่างน้ำ ตัวอย่างน้ำที่ใสอยู่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน แต่ถ้าตัวอย่างน้ำนั้นมีความกระด้างหลุดติดมาแล้วเมื่อหยดสารเคมีที่ใช้ทดลองลงไป ตัวอย่างน้ำนั้นจะเปลี่ยนจากไม่มีสีเป็นสีม่วงหรือสีแดง ถ้าเป็นสีม่วงหรือสีแดงก็แสดงว่าถึงเวลาที่จะต้องหยุดการทำงานของถังผลิตน้ำอ่อนแล้วทำการล้างเรซิ่นให้กลับคืนสู่สภาพที่ใช้งานได้ดังเดิมก่อนที่จะทำการผลิตน้ำอ่อนต่อไป การตรวจสอบของเราในแต่ละช่วงเวลาอาจจะชั่วโมงละครั้งทำให้เรารู้ได้ว่าช่วงเวลาไหนจะใกล้ถึงเวลาล้างแล้ว ซึ่งในช่วงนั้นอาจจะต้องตรวจวัดด้วยความถี่ครึ่งชั่วโมงต่อครั้งก็ได้ จะทำให้โอกาสที่เราจะตรวจพบจุดที่มีความกระด้างหลุดออกไปได้เร็วขึ้นและทำให้น้ำอ่อนที่ได้รับมีคุณภาพดีขึ้น การที่เราได้มาเพิ่มความถี่ตรงช่วงนี้ แต่ช่วงก่อนหน้านี้เราได้ลดความถี่ลงเนื่องจากในการทำงานตามปกติเราจะให้เอาผลการตรวจวัดในแต่ละชั่วโมงมากรอกใส่เวิร์คชีทชั่วโมงละครั้งก็เพื่อจะควบคุมการทำงานของคนงานด้วยว่าทำงานจริงหรือเปล่า

t.man

Author & Editor

บริการHas laoreet percipitur ad. Vide interesset in mei, no his legimus verterem. Et nostrum imperdiet appellantur usu, mnesarchum referrentur id vim.